โรคสมาธิสั้นกับการรักษาด้วยยา

1487 จำนวนผู้เข้าชม  | 

โรคสมาธิสั้นกับการรักษาด้วยยา

น้องๆ ที่ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์เฉพาะทางว่าเป็นโรคสมาธิสั้น (ADHD) และคุณหมอให้แนวทางการรักษาว่าจำเป็นต้องใช้ยาควบคู่ไปกับการฝึกบำบัด ซึ่งจะทำให้การฝึกบำบัดมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น ครูอาโปเชื่อว่าผู้ปกครองหลายๆ ท่านอาจจะกังวลเรื่องของข้อมูล ประโยชน์ และข้อควรระวังของยาชนิดต่างๆ ที่ใช้ในกลุ่มน้องๆ ที่มีอาการของโรค จึงสรุปข้อมูลของยามาเสริมความรู้ให้แก่คุณพ่อ คุณแม่ค่ะ

และครูอาโปอยากเน้นย้ำถึงความอันตรายในการใช้ยาที่เกี่ยวข้องกับโรคสมาธิสั้นในเด็ก ผู้ปกครองไม่สามารถสั่งซื้อเอง ไม่ควรหาซื้อเอง หรือแลกเปลี่ยนกันในกลุ่มคุณพ่อคุณแม่ที่น้องๆ อยู่ในกลุ่มอาการโรคสมาธิสั้นโดยไม่ได้รับการสั่งจ่ายจากแพทย์เฉพาะทางเป็นอันขาดค่ะ นอกจากจะอันตรายต่อชีวิตของเด็กๆ ยังผิดกฎหมายด้วยนะคะ
.
ปัจจุบันยาที่ใช้รักษาโรคสมาธิสั้นโดยทั่วไปแบ่งเป็น 2 ประเภทหลักๆ ค่ะ คือ


1. ยา Stimulant: กลุ่มยาออกฤทธิ์กระตุ้นประสาทและสมองส่วนกลาง
- Methylphenidate (เช่น Ritalin, Concerta)
Methylphenidate (เมทิลเฟนิเดต) เป็นยาในกลุ่มสารกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง (CNS stimulant) ที่ใช้ในการรักษาโรคสมาธิสั้น (ADHD) โดยออกฤทธิ์เพิ่มสารสื่อประสาทโดพามีนและนอร์เอพิเนฟรินในสมอง ซึ่งช่วยเพิ่มสมาธิ ความสามารถในการจดจ่อ และลดพฤติกรรมหุนหันพลันแล่น Methylphenidate เป็นยาหลักที่ใช้ในการรักษาโรคสมาธิสั้นในเด็กและผู้ใหญ่ ช่วยลดอาการสมาธิสั้น ไม่มีสมาธิ อยู่ไม่สุข และหุนหันพลันแล่น รูปแบบยา Methylphenidate มีจำหน่ายในหลายรูปแบบ เช่น
ชนิดออกฤทธิ์ทันที: Ritalin, Methylin (ชื่อการค้า)
ชนิดออกฤทธิ์นาน: Concerta, Ritalin LA (ชื่อการค้า)
Methylphenidate เป็นยาควบคุมที่ต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์เท่านั้น และควรใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด และอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร ปวดศีรษะ ใจสั่น และความดันโลหิตสูง
ในประเทศไทย Methylphenidate จัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 ตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 การใช้ ครอบครอง หรือจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตถือเป็นความผิดทางกฎหมายค่ะ

- Amphetamine (เช่น Adderall)
Amphetamine เป็นยาในกลุ่มสารกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง (CNS stimulant) ที่ออกฤทธิ์เพิ่มสารสื่อประสาทโดพามีนและนอร์เอพิเนฟรินในสมอง ส่งผลให้เกิดความตื่นตัว สมาธิ และลดความอยากอาหาร ในอดีตเคยใช้เป็นยารักษาโรคบางชนิด เช่น โรคสมาธิสั้น และโรคลมหลับ แต่ปัจจุบันไม่นิยมใช้แล้วเนื่องจากมีโอกาสเสพติดสูงและมีผลข้างเคียงที่รุนแรง ในประเทศไทย แอมเฟตามีนจัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 การผลิต ครอบครอง หรือจำหน่ายแอมเฟตามีนโดยไม่ได้รับอนุญาตถือเป็นความผิดทางกฎหมายค่ะ

- Dextroamphetamine (เช่น Dexedrine)
Dextroamphetamine (เดกซ์โทรแอมเฟตามีน) เป็นยาในกลุ่มสารกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง (CNS stimulant) ที่มีฤทธิ์แรง ออกฤทธิ์โดยการเพิ่มสารสื่อประสาทโดพามีนและนอร์เอพิเนฟรินในสมอง ส่งผลให้เกิดความตื่นตัว สมาธิจดจ่อ และลดความอยากอาหาร การใช้ทางการแพทย์ ใช้รักษาโรคสมาธิสั้น (ADHD) เป็นยาที่แพทย์สั่งจ่ายเพื่อช่วยในการจัดการอาการของโรคสมาธิสั้นในเด็กและผู้ใหญ่ โดยจะช่วยเพิ่มสมาธิและลดพฤติกรรมหุนหันพลันแล่นและเป็นยาควบคุมที่มีศักยภาพในการเสพติดสูง จึงควรใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น ยาอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น นอนไม่หลับ ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร ปากแห้ง และใจสั่น ในประเทศไทย Dextroamphetamine จัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 การใช้ ครอบครอง หรือจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตถือเป็นความผิดทางกฎหมายค่ะ

2. ยา Non-Stimulant: กลุ่มยาไม่ออกฤทธิ์กระตุ้นประสาทและสมองส่วนกลาง
- Atomoxetine (Strattera) *Guanfacine (Intuniv)
Atomoxetine (อะโทม็อกซีทีน) หรือที่รู้จักกันในชื่อทางการค้าว่า Strattera เป็นยาที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มสารกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง (non-stimulant) ที่ใช้ในการรักษาโรคสมาธิสั้น (ADHD) ในเด็ก วัยรุ่น และผู้ใหญ่ กลไกการออกฤทธิ์ ออกฤทธิ์โดยการยับยั้งการดูดกลับของสารสื่อประสาทนอร์เอพิเนฟริน (norepinephrine) ในสมอง ซึ่งช่วยเพิ่มระดับนอร์เอพิเนฟรินในบริเวณที่เกี่ยวข้องกับความสนใจและสมาธิ Atomoxetine เป็นทางเลือกในการรักษาโรคสมาธิสั้นสำหรับผู้ที่ไม่สามารถใช้ยาในกลุ่มสารกระตุ้นได้ หรือผู้ที่ไม่ตอบสนองต่อยาในกลุ่มสารกระตุ้น และบางครั้งอาจใช้ Atomoxetine ในการรักษาโรคอื่นๆ เช่น โรคซึมเศร้า และโรควิตกกังวล แต่ยังไม่ได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการ ข้อดีคือไม่ใช่สารกระตุ้น ไม่ก่อให้เกิดการเสพติดเหมือนยาในกลุ่มสารกระตุ้น ออกฤทธิ์ยาวนาน ออกฤทธิ์ตลอดวัน ทำให้ควบคุมอาการได้ดี ผลข้างเคียงน้อยกว่ายาในกลุ่มสารกระตุ้น แต่ออกฤทธิ์ช้ากว่า อาจต้องใช้เวลา 2-4 สัปดาห์จึงจะเห็นผลชัดเจน และมักมีราคาแพงกว่ายาในกลุ่มสารกระตุ้น ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ปวดท้อง นอนไม่หลับ ปากแห้ง เวียนศีรษะ และอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตในเด็กค่ะ

 


อ้างอิงข้อมูล
- สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย: บทความวิชาการเกี่ยวกับการวินิจฉัยและรักษาโรคสมาธิสั้น
- คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล: บทความเกี่ยวกับการรักษาโรคสมาธิสั้นในเด็กด้วยยา
- พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518
- พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522
- MedlinePlus (เว็บไซต์ข้อมูลยาของหอสมุดแห่งชาติการแพทย์สหรัฐฯ)
- สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.): ยาที่ขึ้นทะเบียนในประเทศไทย รวมถึงยาที่ใช้รักษาโรคสมาธิสั้น
- เว็บไซต์ของบริษัทผู้ผลิตยา เช่น Janssen (ผู้ผลิต Concerta) และ Eli Lilly (ผู้ผลิต Strattera)

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้