1266 จำนวนผู้เข้าชม |
เด็กสมาธิสั้น คือเด็กที่มีความสามารถในการรับรู้ จดจ่อ และควบคุมการเคลื่อนไหวของตนเองต่ำกว่าเด็กปกติ เนื่องจากมีความผิดปกติของสารสื่อประสาทในสมอง ซึ่งส่งผลให้เด็กมีพฤติกรรมที่ซุกซน วอกแวกง่าย ไม่เคยอยู่นิ่ง และไม่สามารถรับผิดชอบตนเองได้ดี การฝึกเด็กสมาธิสั้นจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ไม่เพียงแต่เพื่อให้เด็กมีสมาธิในการเรียนรู้ แต่ยังเพื่อให้เด็กมีทักษะการดำรงชีวิตและการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นได้ดีขึ้นค่ะ
วิธีการฝึกเด็กสมาธิสั้น มีหลายวิธี แต่ในบทความนี้จะกล่าวถึง 4 วิธีที่ง่ายและสามารถทำได้ทั้งในบ้านและโรงเรียนค่ะ
1. จัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ไม่มีสิ่งรบกวน และมีกฎระเบียบชัดเจน
สภาพแวดล้อมที่วุ่นวาย มีเสียงดัง หรือมีการทะเลาะกันบ่อยครั้ง จะทำให้เด็กสมาธิสั้นเสียสมาธิและเกิดความวุ่นวายได้ง่าย ดังนั้น ควรจัดให้มีมุมสงบสำหรับเด็ก เพื่อให้เด็กมีสมาธิในการทำงานหรือการบ้าน และหลีกเลี่ยงการเปิดทีวี หรือเครื่องเล่นเพลงให้ดังเกินไป นอกจากนี้ ยังควรมีกฎระเบียบ และตารางเวลาชัดเจน ให้เด็กปฏิบัติตาม เช่น กำหนดเวลาเล่นเกม หรือเวลานอน และไม่ปล่อยให้เด็กตามใจหรือละเลยในสิ่งที่ต้องทำค่ะ
2. เล่นเกมหรือกิจกรรมที่เสริมสร้างสมาธิ ความจำ และทักษะการคิด
เกมหรือกิจกรรมที่ต้องใช้สมาธิ ความจำ และทักษะการคิด จะช่วยให้เด็กสมาธิสั้นฝึกใช้สมอง และเพิ่มความสนใจในการเรียนรู้ บางเกมหรือกิจกรรมยังสามารถช่วยให้เด็กผ่อนคลายและลดความเครียดได้ด้วย เช่น ต่อจิ๊กซอว์ ร้อยลูกปัด หรือเล่นดนตรี ควรเลือกเกมหรือกิจกรรมที่เหมาะสมกับอายุและความสามารถของเด็ก และให้เด็กเล่นอย่างสนุกสนาน แต่ไม่ควรให้เด็กเล่นเกมที่มีการกระตุ้นทางสายตาหรือเสียงมากเกินไป เช่น เกมวิดีโอ หรือเกมออนไลน์ เพราะจะทำให้เด็กเสพติดและเสียสมาธิมากขึ้นค่ะ
3. ให้การชื่นชมและเป็นกำลังใจ เมื่อเด็กทำงานหรือปฏิบัติตามคำสั่งได้ดี และใช้วิธีการลงโทษที่เหมาะสม เมื่อเด็กมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม
การชื่นชมและเป็นกำลังใจจะช่วยให้เด็กสมาธิสั้นรู้สึกมีค่า มีความมั่นใจ และมีแรงจูงใจในการพัฒนาตนเอง ควรให้การชื่นชมที่เป็นเนื้อหา และเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมที่เด็กแสดงออก เช่น "เก่งมากลูก ที่ทำงานเสร็จตามเวลา" หรือ "แม่ขอบคุณมาก ที่หนูช่วยเหลือเพื่อน" และหลีกเลี่ยงการชื่นชมที่เป็นลักษณะทั่วไป เช่น "ดีมากลูก เก่งมากลูก" และสำหรับวิธีการลงโทษ ควรใช้วิธีการที่เป็นการสอน และไม่ทำร้ายเด็กทั้งทางร่างกายและจิตใจ เช่น ให้เด็กนั่งในมุมสงบ หรือหักเวลาเล่นเกม และอธิบายให้เด็กเข้าใจว่าพฤติกรรมของเขามีผลกระทบอย่างไรค่ะ
4. ช่วยเหลือเด็กในการเรียนรู้ โดยให้คำแนะนำที่ชัดเจน และให้เวลาในการทำงานที่เหมาะสมกับความสามารถของเด็ก เด็กสมาธิสั้นมักจะเรียนรู้ได้ดีกว่าเมื่อมีคนช่วยเหลือ และให้คำแนะนำที่ชัดเจน ควรให้คำสั่งที่เป็นขั้นตอน และให้เด็กทำตามทีละขั้นตอน เช่น "อ่านบทความนี้ให้แม่หน่อย แล้วเขียนสรุปลงในสมุด" หรือ "เปิดหนังสือเรียนหน้า 10 แล้วทำแบบฝึกหัดที่ 1" และหลีกเลี่ยงการให้คำสั่งที่มีหลายความหมาย เช่น "ทำงานให้เสร็จ" หรือ "เรียนให้ดี" นอกจากนี้ ยังควรให้เวลาในการทำงานที่เหมาะสมกับความสามารถของเด็ก ไม่ให้เวลามากเกินไป หรือน้อยเกินไป เพราะจะทำให้เด็กเบื่อ หรือรู้สึกอึดอัด ควรตรวจสอบความก้าวหน้าของเด็กบ่อยๆ และให้การช่วยเหลือหรือการแก้ไขเมื่อเด็กมีปัญหาค่ะ
สรุป
การฝึกเด็กสมาธิสั้นเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความอดทน ความเข้าใจ และความร่วมมือจากผู้ปกครอง ครู และเด็กเองค่ะ วิธีการฝึกที่ได้กล่าวมา จะช่วยให้เด็กสมาธิสั้นมีสมาธิ ความจำ และทักษะการคิดที่ดีขึ้น และสามารถดำรงชีวิตและการเรียนรู้ได้ดีขึ้นค่ะ
อย่างไรก็ตาม การฝึกเด็กสมาธิสั้นไม่ได้เป็นเรื่องที่มีคำตอบที่แน่นอน หรือสามารถทำได้ในเวลาสั้นๆ จึงต้องปรับเปลี่ยน และประเมินผลการฝึกอย่างสม่ำเสมอ และหากมีอาการที่รุนแรง หรือไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์หรือนักกิจกรรมบำบัดผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก เพื่อให้ได้การรักษาที่เหมาะสมค่ะ
(สามารถสอบถามข้อมูล ปรึกษาพัฒนาการลูก สอบถามค่าบริการคอร์สกระตุ้นและส่งเสริมพัฒนาการเด็กทั้งที่คลินิก และฝึกกระตุ้นพัฒนาการถึงที่บ้าน กิจกรรมบำบัด ฝึกพูด ปรับพฤติกรรม โดยนักกิจกรรมบำบัด นักแก้ไขการพูด นักจิตวิทยาคลินิก นักจิตวิทยาพัฒนาการ GROWING SMART CLINIC หรือรับคำปรึกษาแนะนำเบื้องต้นผ่านทางโทรศัพท์ 083-806-1418 และทาง เพราะเราเชื่อว่าเด็กๆ ทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้อย่างเต็มศักยภาพหากได้รับการฝึกจากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน รวมถึงได้รับคำแนะนำอย่างเฉพาะเจาะจงและถูกต้องเหมาะสมค่ะ)